นุ๊กนิ๊ก

นุ๊กนิ๊ก

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

ร่าง พรบ.คอมพิวเตอร์ 2554


ร่าง พรบ.คอมพิวเตอร์ 2554

ประเด็นที่ 1 เพิ่มคำนิยามของคำว่า “ผู้ดูแลระบบ”
มาตรา 4 ได้เพิ่มนิยามคำว่า “ผู้ดูแลระบบ” หมายความว่า “ผู้มีสิทธิเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการแก่ผู้อื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้สามารถติดต่อถึงกันโดยประการอื่น โดยผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดูแลเพื่อประโยชน์ของตนเองหรือเพื่อประโยชน์ของบุคคลอื่น”
ในกฎหมายเดิมมีการกำหนดโทษของ “ผู้ให้บริการ” ซึ่งหมายถึงผู้ที่ให้บริการแก่บุคคลอื่นในการเข้าสู่อินเทอร์เน็ต หรือให้บริการเก็บรักษาข้อมูลคอมพิวเตอร์ เช่น เว็บโฮสติ้ง เว็บท่า บล๊อกสาธารณะ ISP (Internet Service Provider) ฯลฯ ​ซึ่งมีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่า การพยายามเอาผิดผู้ให้บริการซึ่งถือเป็น “ตัวกลาง” ในการสื่อสาร จะส่งผลต่อความหวาดกลัวและทำให้เกิดการเซ็นเซอร์ตัวเอง อีกทั้งในแง่ของกฎหมายคำว่าผู้ให้บริการก็ตีความได้อย่างกว้างขวาง คือแทบจะทุกขั้นตอนที่มีความเกี่ยวข้องในการเข้าถึงข้อมูลข่าวสารก็ล้วนเป็น ผู้ให้บริการทั้งสิ้น
สำหรับร่างฉบับใหม่ที่เพิ่มนิยามคำว่า “ผู้ดูแลระบบ” ขึ้นมานี้ อาจหมายความถึงเจ้าของเว็บไซต์ เว็บมาสเตอร์ Admin ระบบเครือข่าย Admin ฐานข้อมูล ผู้ดูแลเว็บบอร์ด บรรณาธิการเนื้อหาเว็บ เจ้าของบล็อก ขณะที่ “ผู้ให้บริการ” อาจหมายความถึงผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต
ตามร่างกฎหมายนี้ ตัวกลางต้องรับโทษเท่ากับผู้ที่กระทำความผิด เช่น หากมีการเขียนข้อมูลที่ไม่ตรงกับความจริง กระทบกระเทือนต่อความมั่นคง ผู้ดูแลระบบและผู้ให้บริการที่จงใจหรือยินยอมให้ความผิดเกิดขึ้น มีความผิดทางอาญาเท่ากับผู้ที่กระทำความผิด และสำหรับความผิดต่อระบบคอมพิวเตอร์ เช่น การเจาะระบบ การดักข้อมูล หากผู้กระทำนั้นเป็นผู้ดูแลระบบเสียเอง จะมีโทษ 1.5 เท่า ของอัตราโทษที่กำหนดกับคนทั่วไป
ประเด็นที่ 2 คัดลอกไฟล์ จำคุกสูงสุด 3 ปี
สิ่งใหม่ในกฎหมายนี้ คือมีมาตรา 16 ที่ เพิ่มมาว่า “ผู้ใดสำเนา ข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
อันนี้ผมก็คิดว่าน่าจะดี เพราะที่ผ่านมายังไม่มีกฏหมายที่บังคับข้อนี้โดยตรง ถือได้ว่าเป็นการพัฒนาจากกฏหมายที่พูดถึงเรื่อง “ขโมย” ที่ขโมยสิ่งของที่จับต้องได้ แต่การขโมยข้อมูลคอมพิวเตอร์จะถูกดูแลโดยกฏหมายข้อนี้
อย่างไรก็ตาม ให้สังเกตว่าการกระทำผิดจะครบองค์ประกอบก็ต่อเมื่อการขโมยข้อมูลผู้อื่นนั้น ส่อว่าน่าจะทำให้เกิดความเสียหายต่อผู้อื่น อันนี้ก็เปิดช่องว่างให้ตีความและโต้แย้งกันในศาล ถ้าหากว่าท่านถูกขโมยข้อมูลไป (เช่น ไฟล์ที่เก็บ username/password ของลูกค้าทั้งหมดของท่าน) แต่คนที่ขโมยข้อมูลไปบอกว่า ขโมยไปดูเล่นเฉยๆ (ประมาณว่าลองวิชา) แต่ไม่ได้ทำอะไรให้เสียหาย ก็อาจจะไม่สามารถเอาผิดได้
หรือมองกลับมุม กฏหมายบอกว่า “โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อผู้อื่น” แปลว่า เพียงแค่ “น่าจะ” เกิดความเสียหาย (แต่ยังไม่เกิดความเสียหาย) ก็ถือว่าเป็นความผิดแล้วหรือไม่
ประเด็นที่ 3 มีไฟล์ลามกเกี่ยวกับเด็ก มีความผิดนะครับ
มาตรา 25 บอกว่า “ผู้ใดครอบครองข้อมูลคอมพิวเตอร์ ซึ่งมีลักษณะอันลามกที่เกี่ยวข้องกับเด็กหรือเยาวชน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ”
อันนี้ท่านที่ชอบโหลดบิตวีดีโอพวกนี้มาเก็บไว้เป็นที่ระลึก อาจโดยซิวได้โดยไม่รู้ตัว
ประเด็นที่ 4 เอาผิดกับเนื้อหาด้วย
มาตรา 24 (1) นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลที่ไม่ตรงต่อความเป็นจริง โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน
นี่ก็น่าจะเพราะต้องการเอาผิดกับคนที่เอาความเท็จมาเที่ยวโพสต์ ซึ่งถ้าความเท็จนั้น “น่าจะ” ทำให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศหรือก่อให้เกิดความตื่นตระหนกแก่ประชาชน ก็จะถือเป็นความผิดด้วย
ผมตั้งข้อสังเกตอีกแล้วว่า การที่กฏหมายใช้คำว่า “โดยประการที่น่าจะ…” เป็นการเปิดช่องให้โต้แย้งกันในศาล และค่อนข้างคลุมเครือมากๆ ใครจะเป็นคนบอกว่าการกระทำที่เกิดขึ้น “น่าจะ” เกิดความเสียหายได้หรือไม่ อันนี้ก็ต้องหวังพึ่งบารมีและความยุติธรรมของผู้พิพากษาละครับ
ประเด็นที่ 5 ดูหมิ่น ผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์
มาตรา 26 ผู้ใดนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพ ข้อมูลส่วนบุคคลของผู้อื่น หรือข้อมูลอื่นใด โดยประการที่น่าจะทำให้บุคคลอื่นเสียหาย เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย หรือเพื่อให้ผู้หนึ่งผู้ใดหลงเชื่อว่าเป็นข้อมูลที่แท้จริง ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ที่ผ่านมามีความพยายามฟ้องคดีหมิ่นประมาทซึ่งกันและกันโดยใช้ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ จำนวนมาก แต่การกำหนดข้อหายังไม่มีมาตราใดใน พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ที่จะใช้ได้อย่างตรงประเด็น มีเพียงมาตรา 14 (1) ที่ระบุเรื่องข้อมูลอันเป็นเท็จดังที่กล่าวมาแล้ว และมาตรา 16 ว่าด้วยภาพตัดต่อในร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่ได้สร้างความสะดวกให้เจ้าหน้าที่ใช้ตั้งข้อหาการ ดูหมิ่นต่อกันได้ง่ายขึ้น
ข้อสังเกตคือ ความผิดตามร่างฉบับใหม่นี้กำหนดให้การดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาทมีโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งที่การหมิ่นประมาทในกรณีปกติ ตามประมวลกฎหมายอาญามีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
ประเด็นที่ 6 ส่งสแปม ต้องเปิดช่องให้เลิกรับบริการ
มาตรา 21 ผู้ใดส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เป็นจำนวนตามหลักเกณฑ์ที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด เพื่อประโยชน์ทางการค้าจนเป็นเหตุให้บุคคลอื่นเดือดร้อนรำคาญ และโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับข้อมูลคอมพิวเตอร์หรือจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ สามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการตอบรับได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
จากที่กฎหมายเดิมกำหนดเพียงว่าการส่งจดหมายรบกวน หากเป็นการส่งโดยปกปิดหรือปลอมแปลงแหล่งที่มา ถือว่าผิดกฎหมาย ในร่างฉบับใหม่ได้แก้ไขให้ตรงกับสภาพความเป็นจริงว่า หากการส่งข้อมูลเพื่อประโยชน์ทางการค้า โดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้รับสามารถบอกเลิกหรือแจ้งความประสงค์เพื่อปฏิเสธการบอกรับได้ จะมีความผิด และความผิดนี้เป็นโทษอาญาจำคุกซะด้วย กล่าวคือ จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ
อันนี้หลายท่านต้องระวังกันให้มากๆ ผมอยากเชิญชวนให้ท่านหันมาทำการตลาดอย่างถูกต้อง เรียนรู้วิชาการตลาด และใช้เครื่องมือให้เป็น อย่างเช่น ทำการตลาดด้วยอีเมล์ (E-mail Marketing) ด้วยเครื่องมืออย่างเช่น Autoresponder ซึ่งจะส่งอีเมล์ถึงผู้ที่ได้เคยลงทะเบียนขอรับข้อมูลไว้เท่านั้น และทุกอีเมล์จะมีลิ้งค์ให้สามารถยกเลิกการรับอีเมล์ได้ด้วย (สังเกตว่าส่วนใหญ่จะอยู่ด้านล่างสุดของอีเมล์)
ประเด็นที่ 7 เก็บโปรแกรมเจาะระบบไว้ คุกหนึ่งปี
มาตรา 23 ผู้ใดผลิต จำหน่าย จ่ายแจก ทำซ้ำ มีไว้ หรือทำให้แพร่หลายโดยประการใด ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ชุดคำสั่ง หรืออุปกรณ์ที่จัดทำขึ้นโดยเฉพาะ เพื่อนำไปใช้เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดตามมาตรา 15 มาตรา 16 มาตรา 17 มาตรา 18 มาตรา 19 และมาตรา 20 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ประเด็นที่ 8 เพิ่มโทษผู้เจาะระบบ
สำหรับกรณีการเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยมิชอบ เดิมกำหนดโทษจำคุกไว้ไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท ร่างกฎหมายใหม่เพิ่มเพดานโทษเป็นจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท (เพิ่มขึ้น 4 เท่า)
ประเด็นที่ 9 ให้หน้าที่หน่วยใหม่ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)
ร่างกฎหมายนี้กำหนดหน้าที่ให้หน่วยงานซึ่งมีชื่อว่า “สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน)” เรียกโดยย่อว่า “สพธอ.” และให้ใช้ชื่อเป็นภาษาอังกฤษว่า “Electronic Transactions Development Agency (Public Organization)” เรียกโดยย่อว่า “ETDA” เป็นองค์การมหาชนภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงไอซีที
หน่วยงานนี้เพิ่งตั้งขึ้นเป็นทางการประกาศผ่าน “พระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็คทรอนิสก์ พ.ศ. 2554″ เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2554 โดยเริ่มมีการโอนอำนาจหน้าที่และจัดทำระเบียบ สรรหาประธานและกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2554
ในร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฉบับใหม่นี้ กำหนดให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) มีบทบาทเป็นฝ่ายเลขานุการของ “คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์” ภายใต้ร่าง พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ฉบับที่กำลังร่างนี้
นอกจากนี้ หากคดีใดที่ต้องการสอบสวนหาตัวผู้กระทำความผิดซึ่งอยู่ในต่างประเทศ จะเป็นอำนาจหน้าที่ของสำนักงานอัยการสูงสุด ในร่างกฎหมายนี้กำหนดว่า พนักงานสอบสวนอาจร้องขอให้สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์(องค์การ มหาชน) เป็นผู้ประสานงานกลางให้ได้ข้อมูลมา
ที่มา  http://thaimlmcenter.com/blog/

ความผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์

ความผิดทางอาญาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ที่ทุกคนควรทราบ
มีผลบังคับใช้ไปแล้วตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. 50
 


1. เจ้าของไม่ให้เข้าระบบคอมพิวเตอร์ของเขา แล้วเราแอบเข้าไปดู… 
      เจอคุก 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

2. แอบไปรู้วิธีการเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของเค้า แล้วบอกให้คนอื่นรู้ … 
      เจอคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. ข้อมูลของเขา เขาเก็บไว้ในระบบคอมพิวเตอร์ดีๆ แล้วแอบไปล้วงข้อมูลของเขาออกมา … 
      เจอคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

4. เขาส่งข้อมูลหากันผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบส่วนตัว แล้วเราทะลึ่งไปดักจับข้อมูลของเขา … 
      เจอคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

5. ข้อมูลของเขาอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของเขา เราดันมือบอนแก้… 
      เจอคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน100,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

6. ระบบคอมพิวเตอร์ของเค้าทำงานอยู่ดีๆ เราดันยิง packet หรือ message หรือ virus หรือ trojan หรือ worm 
    หรืออะไรก็ตามเข้าไปก่อกวนจนระบบเขาเดี้ยง … 

      เจอคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 100,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

7. เขาไม่ได้อยากได้ข้อมูลหรือควายเมลล์จากเราเลย เราก็ทำตัวเซ้าซี้ส่งให้เขาซ้ำๆ อยู่นั่นแหล่ะ จนทำให้เขาเบื่อหน่ายรำคาญ … 
      เจอปรับไม่เกิน100,000บาท 

8. ถ้าเราทำผิดข้อ 5. กับ ข้อ 6. แล้ว... 
      - ทำให้เราๆ ท่านๆ บุคคลทั่วไปเกิดความเสียหาย ...
      จำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 200,000บาท
      - ก่อความเสียหายต่อความั่นคงของประเทศ เศษรฐกิจ และสังคม .... 
      จำคุกตั้งแต่ 3 - 5 ปี และปรับตั้งแต่ 60,000บาท ถึง 300,000บาท และถ้าทำให้ใครตายก็จะปรับโทษเป็น ... จำคุกตั้งแต่ 10ปีถึง 20ปี

9. ถ้าเราสร้างซอฟต์แวร์เพื่อช่วยให้ใครๆทำเรื่องแย่ๆในข้อข้างบนได้ … 
      เจอคุกไม่เกินปีนึง หรือปรับไม่เกิน 20,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 

10.โป๊,โกหก, ปลอมแปลง,กระทบความมั่นคง,ก่อการร้าย, และส่งต่อข้อมูลทั้งๆที่รู้ว่าผิดตามที่กล่าวมาข้างต้น … 
      เจอคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

11. ใครเป็นเจ้าของเว็บ แล้วสนับสนุน/ยอมให้เกิดข้อ 10. โดนเหมือนกัน … 
      เจอคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ เท่ากับคนที่ทำเลย

12. ใครอยากเป็นศิลปินข้างถนน ที่ชอบเอารูปชาวบ้านมาตัดต่อแล้วเอาไปโชว์ผลงานบนระบบคอมพิวเตอร์ให้ใครต่อใครดู เตรียมใจไว้เลยมีสิทธิ์โดน…
      เจอคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

13. เราทำผิดที่เว็บไซต์ซึ่งอยู่เมืองนอก แต่ถ้าเราเป็นคนไทย อย่าคิดว่ารอด โดนแหงๆ 
      ฝรั่งทำผิดกับเรา แล้วอยู่เมืองนอกควายกต่างหาก เราเป็นคนไทย ก็เรียกร้องเอาผิดได้เหมือนกัน .


ดาวน์โหลด "พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์" ฉบับจริง -->http://www.etcommission.go.th/documents/laws/20070618_CC_Final.pdf

วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2555

เปรียบเทียบ Mitsubishi Mirage กับ Nissan March


























ขอขอบคุณ
Nissan (ประเทศไทย) Mitubishi Motor (ประเทศไทย)

Nissan March 2012 กับโฉมใหม่ ไม่ปรับราคา

Nissan March 2012

Nissan March 2012


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก facebook Nissan Thailand

          หลังจากที่ "นิสสัน มาร์ช" (Nissan March) ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีกับยอดขายที่ถล่มทลาย จนเป็นรถยอดนิยมของคนไทยไปแล้วนั้น มาในปี 2012 นี้ ใครที่กำลังติดตามอัพเดต มาร์ช รุ่นใหม่อยู่ก็ยิ้มกว้าง ๆ ได้เลย เพราะทางนิสสันได้ส่ง มาร์ช รุ่นปี 2012 มาให้จับจองเป็นเจ้าของกันแล้ว

          ทางบริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ได้ประกาศแนะนำรถ "นิสสัน มาร์ช 2012"อย่างเป็นทางการแล้ว โดยในรุ่นใหม่นี้จะมีสิ่งต่าง ๆ ที่เพิ่มขึ้นมากมาย โดยเฉพาะในส่วนของอุปกรณ์และสีใหม่ ซึ่งเชื่อว่าจะตอบโจทย์การใช้งานของลูกค้าได้อย่างดีมาก ๆ เลยทีเดียว

Nissan March 2012

          สำหรับ นิสสัน มาร์ช 2012 นี้ ได้รับการปรับปรุงและเพิ่มอุปกรณ์อเนกประสงค์ให้มากขึ้น คือ เพิ่มช่องเก็บของพร้อมฝาปิดบริเวณคอนโซลหน้า, หมอนรองศรีษะเบาะหลัง และเบาะหลังปรับให้พับได้ 60:40 ส่วนในรุ่น "Sports version" ได้รับการติดตั้งสเกิร์ตข้างและเบาะนั่งสีดำใหม่ เพื่อเพิ่มอารมณ์สไตล์สปอร์ตแบบเน้น ๆ นอกจากนี้ ยังมีสีภายนอกใหม่ คือ "สีม่วง พลัม" ด้วย

          คุณประพัฒน์ เชยชม รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโสการตลาดและขาย บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สำหรับนิสสัน มาร์ช ในรุ่นปี 2012 ใหม่นี้ ได้นำความคิดเห็นของลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ เช่น การปรับเบาะหลังให้พับได้ 60:40 หรือการเพิ่มช่องเก็บของอเนกประสงค์ โดยเราไม่ได้มีการปรับราคาเพิ่มแต่อย่างใด เพราะการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดีขึ้นถือเป็นการเพิ่มความคุ้มค่าให้กับรถนิสสัน และเป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและการเอาใจใส่ที่จะสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า

          ทั้งนี้ ในส่วนของราคานิสสัน มาร์ช 2012 ในรุ่นต่าง ๆ มีดังนี้

รุ่น 1.2 S MT ราคา 380,000 บาท
รุ่น 1.2 E MT ราคา 430,000 บาท
รุ่น 1.2 E CVT ราคา 464,000 บาท
รุ่น 1.2 EL CVT ราคา 494,000 บาท
รุ่น 1.2 V CVT ราคา 512,000 บาท
รุ่น 1.2 VL CVT ราคา 542,000 บาท
รุ่น 1.2L Sports version 1.2 EL CVT (Designed by Autech) ราคา 515,800 บาท
รุ่น 1.2 VL CVT Sports version (Designed by Autech) ราคา 563,800 บาท

          เพิ่มฟังก์ชั่นต่าง ๆ ทั้งภายในห้องโดยสาร สีใหม่ และการดีไซน์แบบ Sports version มาแบบนี้แล้ว เอาเป็นว่าใครที่โดนใจกับ นิสสัน มาร์ช 2012 นี้ ก็ลองไปสัมผัสด้วยตัวคุณเองพร้อมสั่งจองได้เลย ที่โชว์รูมของนิสสันทั่วประเทศ

Honda Jazz Hybrid เปิดตัวแล้ว พร้อมราคา


Honda Jazz Hybrid เปิดตัวแล้ว พร้อมราคา

Honda Jazz Hybrid เปิดตัวแล้ว พร้อมราคา

Honda Jazz Hybrid เปิดตัวแล้ว พร้อมราคา

Honda Jazz Hybrid เปิดตัวแล้ว พร้อมราคา

Honda Jazz Hybrid เปิดตัวแล้ว พร้อมราคา

Honda Jazz Hybrid

Honda Jazz Hybrid

Honda Jazz Hybrid

Honda Jazz Hybrid

Honda Jazz Hybrid

Honda Jazz Hybrid

Honda Jazz Hybrid

Honda Jazz Hybrid

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก honda.co.ukhonda.co.th

          ในที่สุดก็ได้ฤกษ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการเรียบร้อยแล้ว สำหรับรถยนต์ "ฮอนด้า แจ๊ส ไฮบริด" (Honda Jazz Hybrid) หลังจากที่ปล่อยให้คนที่กำลังมองหารถที่ตอบโจทย์ความต้องการในเรื่องของการประหยัดน้ำมันต้องรอคอยมานาน โดยมาพร้อมกับดีไซน์ที่ทันสมัยเข้ากับชีวิตของคนยุคใหม่อย่างแท้จริง ซึ่งผลิตออกมาเพียงรุ่นเดียว ในราคาเปิดตัวที่ 768,000 บาท

          โดยเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทางบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ได้ทำการเปิดตัว "Jazz Hybrid" IMA รุ่นแรกของกลุ่มซับคอมแพคท์ในประเทศไทยที่มาพร้อมกับรูปลักษณ์อันโฉบเฉี่ยว โดดเด่นอย่างมีสไตล์ ซึ่งมีให้เลือกทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีขาวบริลเลียนท์ สีเงินอลาบาสเตอร์ สีเขียวเฟรชไลม์ และสีฟ้าเซรูเลียน 


Honda Jazz Hybrid

          สำหรับ Honda Jazz Hybrid รุ่นใหม่นี้ นับว่าเป็นรถยนต์ซิตี้คาร์ไฮบริดรุ่นแรกของโลก และเป็นเครื่องยนต์เบนซินไฟฟ้าที่เล็กที่สุดของ Honda โดยมีขุมพลังเป็นเครื่องยนต์เบนซิน 1.3 ลิตร i-vtec และมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 10 กิโลวัตต์ และขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ CVT สามารถทำความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ได้ภายในเวลา 12.6 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 177 กิโลเมตร/ชั่วโมง

          ในส่วนของอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 4.5 ลิตร/100 กิโลเมตร ตามมาตรฐานยุโรป เช่นเดียวกับตัวเลขของรุ่น Insight แต่ Jazz Hybrid มีอัตราการปล่อยมลพิษ 104 กรัม/กิโลเมตร ซึ่งสูงกว่าของ Insight เพียงเล็กน้อย

Honda Jazz Hybrid

          นอกจากเรื่องของเครื่องยนต์แล้ว สิ่งที่ทำให้ให้ Jazz Hybrid ต่างจาก Honda Jazz รุ่นอื่น ๆ อยู่ที่การปรับแต่งเรื่องของดีไซน์ตัวรถที่เพิ่มความทันสมัยให้มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าโครเมี่ยม ไฟท้าย และกันชนหน้า-หลัง เป็นต้น
         
          ทั้งนี้ ตามรายงานระบุว่าราคาเปิดตัวของ Jazz Hybrid รุ่นนี้ คาดว่าอยู่ที่ประมาณ 768,000 บาท ซึ่งน่าจะถูกใจคนที่กำลังมองหารถใหม่อยู่เหมือนกัน 
อย่างไรก็ดี ทางบริษัท ฮอนด้า ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด คงจะมีการประกาศราคาที่แน่นอนออกมาให้ทราบกันในเร็ว ๆ นี้ ยังไงก็ลองติดตามข่าวกันต่อไปนะครับ 

 

วันอาทิตย์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2555

นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ตอนที่ 2


พวกเขาสร้างแรงบันดาลใจอะไรให้คุณได้บ้าง
หลังจากได้กล่าวถึงบุคคลผู้สร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจ 5 ท่านก่อนหน้านี้ไปแล้วในตอนที่ 1 บทความนี้จึงกล่าวถึงนักธุรกิจและบุคคลผู้สร้างแรงบันดาลใจอีก 5 ท่าน เพื่อว่าเราจะได้นำแนวคิดและไอเดียต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในกิจการให้ดำเนินก้าวหน้าและประสบความสำเร็จอย่างที่หวังไว้

Richard Branson
Photo courtesy of Getty Image
หลายคนน่าจะรู้จักเขาดีในฐานะผู้ก่อตั้งบริษัทในเครือ Virgin (เวอร์จิ้น) อันโด่งดัง ซึ่งมีสาขาธุรกิจอยู่ทั่วทุกภาคพื้นภูมิภาคในโลกรวมถึงประเทศไทยด้วย เซอร์ริชาร์ด แบรนสันถือเป็นนักธุรกิจหนุ่มใหญ่ไฟแรงที่ประสบความสำเร็จในเรื่องธุรกิจมากพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำความคิดและความฝันมาสร้างให้เกิดขึ้นบนโลกแห่งความเป็นจริง หรือที่เรียกกันง่ายๆ ว่านักขายฝันนั่นเอง เขาเริ่มธุรกิจครั้งแรกด้วยวัยเพียง 15 ปีจากการทำนิตยสารรายเดือนของมหาวิทยาลัย ซึ่งก็เหมือนกับนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอีกหลายคนที่ได้นำเสนอไปก่อนหน้านี้ซึ่งต่างเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยอายุน้อยๆ กันทั้งนั้น จากนั้นจึงเริ่มลงหลักปักฐานอย่างจริงจังในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับสื่อบันเทิงและเสียงดนตรีแล้วขยับขยายไปสู่สื่อสารมวลชนแขนงอื่นๆ จากนั้นจึงพัฒนาธุรกิจกลายมาเป็นสายการบินเชิงพาณิชย์ในที่สุด นอกจากนี้เขายังเป็นเจ้าของธุรกิจกว่าอีก 360 บริษัท สิ่งที่เป็นจุดเด่นในการทำธุรกิจของเขาคือความอดทนและการมีเป้าหมายในการทำธุรกิจที่แน่วแน่มั่นคง พร้อมฟันฝ่าอุปสรรคทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายความฝันที่ตนเองได้วางเอาไว้ กล้าคิดทำธุรกิจที่บางคนอาจมองว่านอกกรอบ แต่สำหรับเขาถือเป็นความท้าทายจนต้องทำให้สำเร็จ และที่น่าสังเกตที่สุดก็คือแบรนสันมีความสุขอย่างที่สุดเวลาทำงานจึงทำให้ผลงานมีประสิทธิภาพตามมาด้วย และด้วยความที่เป็นคนไม่หยุดนิ่ง ผู้คนจึงมักให้ความสนใจเขาอยู่เสมอ ไม่ว่าเขาจะขยับไปทางไหนก็เป็นข่าว จึงกลายเป็นการประหยัดงบประมาณการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ไปในตัวอีกด้วย

Henry Ford
Photo Courtesy of mustangsandiego
อีกหนึ่งตัวอย่างของคำว่าถึงตัวตายแต่ชื่อยังคงอยู่ได้เป็นอย่างดี ฟอร์ดมีอายุอยู่ในช่วงราวปีพุทธศักราช 2406-2490 เขาโดดเด่นมากในบทบาทของนักประดิษฐ์ ผู้นำสิ่งประดิษฐ์เข้ามาปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตและการจัดจำหน่ายสินค้าจนเกิดเป็นกระบวนการทางธุรกิจขึ้นมา ถือเป็นต้นแบบสำหรับผู้ประกอบการธุรกิจที่มีความคิดและไอเดียในการสร้างสิ่งประดิษฐ์มาขาย นอกจากนี้เขายังเป็นนักธุรกิจที่ยอดเยี่ยมและครบเครื่องไปเสียทุกด้าน จุดเด่นหนึ่งในนั้นคือเรื่องของวิสัยทัศน์ โดยเฉพาะการเข้าใจตลาดอย่างแท้จริงในเรื่องดีมานด์และซัพพลายของระบบเศรษฐกิจ เพราะไม่ว่าเขาจะทำอะไรออกมาก็สามารถขายได้หมดและยังได้ราคาดีที่สุดอีกต่างหาก และเขายังเป็นปรมาจารย์ด้านลดต้นทุนการผลิตเพื่อให้สินค้ามีราคาถูกลง ทำให้สามารถกระจายสินค้าไปยังผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มและครอบคลุมมากยิ่งขึ้นนั่นเอง สิ่งเหล่านั้นทำให้เฮนรี่ ฟอร์ดคือผู้เข้าใจกลไกทางตลาดอย่างแท้จริง

George Soros
Photo courtesy of The Lens
ฉายาพ่อมดทางการเงินถือเป็นใบประกันความสำเร็จในการทำธุรกิจของเขาได้เป็นอย่างดี คนไทยจำนวนมากคงจดจำชื่อของราชาทางการเงินจอร์จ โซรอสผู้นี้ได้อย่างไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน เพราะเขาผู้นี้ได้โจมตีค่าเงินบาทไทยจนนำไปสู่ภาวะวิกฤตที่ทั่วโลกขนานนามว่าต้มยำกุ้ง เขาถือเป็นผู้ร้ายในสายตาคนไทยมานานจากวิกฤตการณ์ครั้งนั้น แต่หากลองมองดูให้ลึก แยกเรื่องส่วนตัวและความเป็นชาตินิยมออกมาก็จะเห็นว่าโซรอสมีจุดดีที่สามารถนำมาเป็นแบบอย่างในการสร้างแรงบันดาลใจได้ ซึ่งความเด่นที่สุดของเขาคือการวางแผนทางการเงินบวกกับความสามารถในการพยากรณ์ความน่าจะเป็นของตลาดทุนภายในอนาคตได้โดยอาศัยปัจจัยทางด้านข้อมูลมาเป็นตัววิเคราะห์ จากความสามารถที่กล่าวมาทำให้เขาสามารถทำกำไรได้อย่างมหาศาลจากการเก็งกำไรค่าเงิน นอกจากนี้ความสามารถเรื่องการฉกฉวยช่วงชิงเมื่อคู่ต่อสู้เกิดข้อผิดพลาดขึ้นก็เป็นคุณสมบัติที่เขามี อีกทั้งยังมีวิญญาณเพชฌฆาตที่พร้อมเข้าขย้ำเหยื่อทางธุรกิจโดยปราศจากความปรานี ซึ่งเราอาจนำมาเป็นแบบอย่างในการทำธุรกิจในยุคปัจจุบันก็เป็นได้

Mark Zuckerberg
Photo courtesy of Paul Sakuma/AP
ชื่อนี้อาจทำให้ใครหลายคนเกิดความฉงนสงสัยว่าเขาผู้นี้เป็นใครกัน แต่หากถามว่ารู้จักเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ชื่อว่า Facebook หรือไม่ ฟันธงได้เลยว่ากว่าร้อยละ 90 ต่างรู้จักและก็ใช้งานกันอยู่ในปัจจุบันด้วย และบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจอันดับที่ 9 ก็คือมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้สร้างเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อว่า Facebook นั่นเอง เขาจัดเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยที่สุดในสหรัฐอเมริกาด้วยอายุเพียง 24 ปีเท่านั้น แต่สิ่งที่น่าสนใจคือแนวคิดในการทำธุรกิจของเขาซึ่งเข้าขั้นเทพเลยทีเดียว เขาเลือกจะไม่คิดค่าตอบแทนเลยสักบาทเดียวอันเป็นแนวความคิดทางการตลาดเรื่องการแบ่งปันช่วยเหลือกัน แม้ว่าหลายบริษัทพยายามเสนอเงินจำนวนมหาศาลเพื่อขอซื้อเว็บไซต์จากเขา แต่เขาก็ปฏิเสธด้วยเหตุผลว่าเขาต้องการสร้างสิ่งที่อยู่ได้ในระยะยาว และเขาไม่สนสิ่งอื่นใดนอกจากนั้น ซึ่งความคิดที่เห็นว่าการสร้างพึงพอมีคุณค่ากว่าเงินก็สามารถนำมาปรับใช้ในการทำธุรกิจยุคใหม่ได้เป็นอย่างดี 

Li Ka-shing
Photo courtesy of AP
ลี กาชิง นักธุรกิจชาวจีนเจ้าของสมญานาม "ซูเปอร์แมน" คืออีกหนึ่งตำนานนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จบนเวทีระดับโลกอย่างแท้จริง ลี กาชิงเกิดที่ประเทศจีนก่อนจะเดินทางเข้ามาในเขตการปกครองพิเศษฮ่องกงในยุคที่ยังอยู่ภายใต้การปกครองของสหราชอาณาจักรในฐานะผู้ลี้ภัย เรื่องราวชีวิตของเขาน่าสนใจมากและยังมีส่วนสร้างแรงบันดาลใจให้นักธุรกิจสายเลือดใหม่หลายต่อหลายคน เขาต้องออกจากโรงเรียนเมื่ออายุ 15 ปี เพื่อรับหน้าที่เสาหลักในการดูแลแม่และน้องๆ แทนพ่อที่เสียชีวิต กาชิงคือต้นแบบของผู้ทำงานหนักตั้งแต่เป็นหนุ่ม เขาเริ่มตั้งบริษัทแห่งแรกเกี่ยวกับอุตสาหกรรมพลาสติกตั้งแต่อายุยังไม่ทันครบ 30 ปี จากนั้นจึงเริ่มขยับขยายธุรกิจไปยังสาขาอื่นๆ โดยมีบริษัท Cheung Kong (Holdings) เป็นบริษัทแม่ และยังเป็นเจ้าของบริษัท Hutchison Whampoa Ltd. และบริษัทอื่นๆ ที่อยู่ในเครืออีกเป็นจำนวนมาก ซึ่งกลุ่มบริษัทของเขาคือผู้ทรงอิทธิพลอย่างแท้จริงด้านการสื่อสารทั้งในฮ่องกง จีน และยุโรป มีทรัพย์สินมากกว่าสามหมื่นสี่พันล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ ลักษณะเด่นของเขาในการทำธุรกิจคือความกล้าได้กล้าเสีย พร้อมจะลงทุนทำสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา นอกจากนี้เขายังชอบอ่านหนังสือเพื่อศึกษาหาความรู้เป็นประจำอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นหนอนหนังสือตัวยงเลยทีเดียว ปัจจุบันบริษัทของเขาคือผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ในระบบ 3G ที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยในรอบปีที่ผ่านมาบริษัทฮัทชินสันของเขามีกำไรต่อหุ้นเพิ่มขึ้นถึง 40%
สองสิ่งที่ผู้ประกอบการหน้าใหม่มีเหมือนและเท่าเทียมกับบุคคลทั้ง 10 ผู้สร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจก็คือ หนึ่ง ลมหายใจที่จะใช้ในการสร้างสรรค์สิ่งต่างให้เกิดขึ้นด้วยตนเอง และสอง เวลาในการทำความฝันให้เป็นความจริง ทั้งสองสิ่งนี้คือหัวใจและองค์ประกอบสำคัญที่มีในผู้ประกอบการทุกคน อยู่ที่ว่าผู้ประกอบการจะสามารถนำทั้งสองอย่างนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ได้แค่ไหนและอย่างไรนั่นเอง

10 นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ ตอนที่ 1


พวกเขาสร้างแรงบันดาลใจอะไรให้คุณได้บ้าง

นับแต่อดีตจวบจนยุคปัจจุบันก็เป็นเวลาหลายศตวรรษที่มนุษยชาติได้ถือกำเนิดขึ้นพร้อมการสร้างวัฒนธรรมที่ยิ่งใหญ่ สิ่งหนึ่งที่สามารถพบเห็นได้ตลอดเวลาและไม่เคยสูญสิ้นไปจากสังคมอารยชนผู้มีความเจริญเลยนั้นคือ "ผู้นำ" ซึ่งบุคคลที่เป็นผู้นำในที่นี้มีความแตกต่างกันไปตามบทบาทและหน้าที่ 
แต่การจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในการทำธุรกิจได้นั้นใช่จะทำกันได้ง่ายๆ เพราะต้องใช้สติปัญญาในการทำงานบวกกับความมานะอุตสาหะและประสบการณ์ด้านธุรกิจอีกมากมายนับไม่ถ้วน กว่าจะก้าวมายืนในจุดที่ทุกคนในสังคมให้การยอมรับและยกย่องให้เป็นผู้นำในโลกธุรกิจอย่างแท้จริง ซึ่งเกร็ดการใช้ชีวิตของบุคคลในโลกธุรกิจต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่งสำหรับนักธุรกิจมือใหม่ที่ต้องการประสบความสำเร็จในปัจจุบัน เพื่อศึกษาว่านักธุรกิจผู้เก่งกาจมีวิธีการคิดและดำเนินธุรกิจอย่างไรประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ตลอดกาล


Bill Gates
Photo courtesy of Microsoft

แน่นอนว่าเมื่อเราเอ่ยถึงผู้ประสบความสำเร็จวงการทำธุรกิจ ชื่อแรกที่วิ่งเข้ามาในความคิดของใครหลายคนคงต้องนึกถึงบิลล์ เกตส์ (Bill Gates) มหาเศรษฐีเจ้าของอาณาจักรไมโครซอฟท์ผู้ยิ่งใหญ่คนนี้เป็นแน่แท้ โดยเฉพาะเรื่องทรัพย์สินจำนวนมหาศาลของเขาที่ได้รับการกล่าวถึงเป็นอย่างมาก แต่เหนือสิ่งอื่นใดทรัพย์สมบัติดังกล่าวเกิดขึ้นจากการทำงานหนักและใช้สติปัญญาอันชาญฉลาดพร้อมแนวความคิดใหม่ๆ ในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งเป็นแนวคิดทำธุรกิจง่ายๆ แต่ลึกซึ้งได้ใจความว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนเราทุกคนมีคอมพิวเตอร์ราคาถูกใช้กัน” นั่นเป็นเหตุให้หนุ่มน้อยบิลล์วัยเพียงยี่สิบกว่าๆ ออกตามล่าและสร้างความฝันให้เป็นจริง เขาตัดสินใจลาออกจากมหาวิทยาลัยทันที และจุดนั่นได้กลายเป็นปฐมบทความยิ่งใหญ่ฉากแรกของผู้ชายที่ชื่อบิลล์ เกตส์ที่ไม่ยอมปล่อยให้ความฝันเป็นเพียงแค่ความคิดแต่กลับลงมือทำให้เกิดขึ้นจริง บวกกับความเพียรพยายามศึกษาหาความรู้และทุมเทความสนใจในสิ่งที่ตนเองรักและชื่นชอบตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้เขายังถือเป็นผู้ให้การสนับสนุนงานด้านการกุศลเพื่อสังคมที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของโลกคนหนึ่งด้วย นั่นจึงเป็นสิ่งที่น่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างมากที่สุดสำหรับผู้ต้องการสร้างธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ


Warren Buffett
Photo courtesy of NYdailynews

ชื่อนี้เป็นชื่อที่สามารถการันตีความสำเร็จในการทำธุรกิจของชายที่ชื่อวอร์เรน บัฟเฟตต์ได้เป็นอย่างดี เขาเป็นบุรุษที่เกิดก่อนสงครามโลก แต่กลับเป็นนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จในตลาดหลักทรัพย์ยุคดิจิตอล ปัจจุบันเขาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และซีอีโอของบริษัท เบิร์กเชียร์ ฮาธาเวย์ และนักธุรกิจรุ่น GEN-Y สมควรต้องศึกษาแนวทางในการดำเนินธุรกิจของบัฟเฟตต์ในเรื่องการมีวิสัยทัศน์และความอดทนในการทำธุรกิจ เพราะทั้งสองสิ่งถือว่ามีความสำคัญมากหากอยากจะให้บริษัทของตนประสบความสำเร็จในแวดวงนี้ โดยบัฟเฟตต์ถือคติในการทำธุรกิจที่อาจแปลเป็นสุภาษิตไทยได้ว่า “ช้าๆ แต่ได้พร้าเล่มงาม” นั่นหมายถึงมีความอดทนในการทำธุรกิจ ไม่เร่งรีบหรือหักโหมมากเกินไปนัก ค่อยทำกำไรทีละเล็กทีละน้อยและสะสมมูลค่าไปเรื่อยๆ นอกจากนี้ในเรื่องการมีวิสัยทัศน์ในการทำธุรกิจเป็นสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้ ควรมองหาโอกาสการลงทุนในธุรกิจซึ่งมีแนวโน้มในการสร้างกำไรระยะยาวมากกว่าที่จะมองธุรกิจที่ให้กำไรมากแต่เป็นเพียงแค่ภาพมายาและมีวงจรที่สั้นมาก และให้พยายามเดินสวนกระแสในบางครั้งหากมีโอกาส นอกจากนี้ปรัชญาการใช้ชีวิตที่สมถะของเขาก็เป็นสิ่งที่ควรนำมาเป็นตัวอย่างในการใช้ชีวิตของผู้ประกอบการธุรกิจรายใหม่ซึ่งไม่ควรทะเยอทะยานหรือตั้งเป้าหมายเกินตัวมากไป คำกล่าวอมตะของเขาคือ “ผมจะไม่พยายามกระโดดข้ามที่สูง 7 ฟุต แต่ผมจะมองหาคานไม้ที่สูง 1 ฟุตเพื่อให้ผมสามารถเดินข้ามได้อย่างสบายๆ”


Lakshmi Mittal
Photo courtesy of ArcelorMittal

รัศมี มิททาล หนุ่มใหญ่ชาวอินเดียวัย 57 ปี เป็นอีกหนึ่งบุคคลต้นแบบในการทำธุรกิจที่ชาวเอเชียภาคภูมิใจ รัศมีเข้ามาสานต่อการดำเนินงานธุรกิจเกี่ยวกับอุตสาหกรรมเหล็กของครอบครัวที่เริ่มแรกเป็นพียงบริษัทยักษ์ใหญ่ภายในอินเดียเท่านั้น แต่หลังจากที่เขาเข้ามาบริหารธุรกิจและกำหนดทิศทางให้กับบริษัทเสียใหม่โดยเน้นทำธุรกิจกับต่างประเทศมากขึ้น บริษัทก็ค่อยๆเติบโตกลายเป็นบริษัทข้ามชาติที่น่าเกรงขามจนดำเนินธุรกิจในกว่า 60 ประเทศ มีพนักงานมากกว่า 320,000 คน มีทรัพย์สินมากกว่า 4 หมื่นล้านเหรียญดอลลาห์สหรัฐ สิ่งที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จคือการมีวิสัยทัศน์ที่ไม่ได้มองและจำกัดตัวเองแค่การทำธุรกิจแต่ในประเทศ แต่มองว่าทั้งโลกต่างหากคือตลาดที่แท้จริง และส่งออกเหล็กซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทไปทั่วทุกมุมโลก นอกจากนี้รัศมียังเข้าซื้อธุรกิจชั้นนำทั้งในยุโรปและอเมริกาเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจในเครือบริษัท เขาจึงเป็นชาวเอเชียผมสีดำที่ฝรั่งหัวทองให้ความเคารพมากที่สุดคนหนึ่งในแวดวงธุรกิจทั่วโลก


Howard Hughes
Photo courtesy of National Geographic

ชื่อนี้เป็นอีกชื่อหนึ่งที่ผู้คนทั่วโลกต่างรู้จักกันดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการสร้างภาพยนตร์เรื่อง The Aviator ซึ่งรับบทโดยลีโอนาร์โด ดิแคปริโอ และมีผู้กำกับยอดฝีมือระดับตำนานอย่างมาร์ติน สกอร์เซซี่ นั้นยิ่งทำให้ชื่อของฮาวเวิร์ด ฮิวจ์ได้รับความสนใจและน่าติดตามมากกว่าเดิมหลายเท่าตัวนัก ถึงแง่คิดในการทำธุรกิจที่พกพาความมั่นใจอันเต็มเปี่ยมจนบางครั้งอาจจะดูแปลกแยกอยู่สักหน่อยก็ตาม แต่สิ่งซึ่งสามารถนำมาใช้เป็นแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจอันเกิดจากการศึกษาชีวิตฮิวจ์ได้คือเรื่องความพยายามทุ่มเทในการทำธุรกิจซึ่งไม่ว่าเขาจะสนใจในเรื่องใดก็ตาม เขาจะทำธุรกิจด้วยความทุ่มเทและใส่ใจทุกรายละเอียดจนกว่างานนั้นจะสำเร็จเสร็จสิ้น แม้ว่าต้องฝ่าฟันอุปสรรคมากมายขนาดไหนก็ตาม เขาเป็นอีกผู้หนึ่งที่สามารถทำตามความฝันทุกเรื่องให้ประสบความสำเร็จได้ทุกอย่าง แม้บางสิ่งที่เขาทำจะเป็นเรื่องแปลกแยกและแตกต่างในความคิดของคนปกติทั่วไปก็ตาม


Katsuaki Watanabe
Photo courtesy of Business Week

เขาผู้นี้คือซีอีโอที่ทุกองค์กรธุรกิจต่างต้องการคว้าตัวมาร่วมงานด้วย และคือขุนพลคนสำคัญผู้ปิดทองหลังพระอย่างแท้จริงในความสำเร็จอย่างท่วมท้นของบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ อุตสาหกรรมรถยนต์รายที่สุดในโลกจากแดนอาทิตย์อุทัย วาตานาเบถือเป็นบุคคลที่น่าจับตามองมากที่สุดคนหนึ่งของสายงานการบริหาร เขาเติบโตมาจากตำแหน่งเล็กภายในบริษัทผ่านสายงานทุกระดับชั้นจนก้าวขึ้นมาสู่จุดสูงสุดภายในบริษัท สิ่งที่น่าศึกษาและควรนำมาเป็นตัวอย่างของวานาตาเบคือแนวความคิดและการดำเนินกลยุทธ์ ว่าเขามีวิธีการอย่างไรในการผลักดันให้โตโยต้าสามารถเป็นอันดับหนึ่งของวงการรถยนต์ได้ โดยแนวความคิดในการทำธุรกิจที่ควรให้ความสนใจเป็นพิเศษของเขาคือการลดต้นทุนบริษัทเพื่อให้ได้กำไรที่สูงขึ้นโดยไม่ไปกระทบกระเทือนต่อประสิทธิภาพและชื่อเสียงของบริษัท เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรให้ความสนใจเป็นพิเศษเพื่อนำไปปรับใช้เข้ากับธุรกิจของตนเองในที่สุด
สำหรับอีก 5 บุคคลผู้สร้างแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจสามารถติดตามได้ในตอนที่ 2